ทริปท่องเที่ยวประเทศฮ่องกง

    แนะนำท่องเที่ยวด้วยภาพ .. เดินทางด้วยตนเอง ( TRAVEL BY PHOTO )

               ตอน 1  HONG KONG TRIP 2011
  บรรยากาศยามเช้า กับสนามบินสุวรรณภูมิ 
         เราเดินทางมาถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ... ก่อนเวลาที่ Couter สายการบิน Emirate จะเปิด เลยแวะไปหาอะไรแก้หิวให้ตัวเล็กที่ S P ชั้นล่างก่อนดีกว่าครับ

  

เก็บภาพบรรยากาศเล็กน้อยหลังเช็คอินเสร็จ  ก่อนเข้า ไปผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองพอดีช่วงนั้นเป็นช่วงที่เค้าจัดเป็นสวนพฤษศาสตร์ และงานแสดงพระธาตุให้นักท่องเที่ยวกราบนมัสการ

    

บรรยากาศด้านในหลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และ ระบบ SAFTY ของสนามบิน ( ขอบอกคนเยอะมาก )
 ช็อปเล็ก ๆ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง 

  

 

   

หม่ามิ ซื้อของเยอะมากจนเด็กรอนาน ดูเด็กออกอาการเซ็ง    

 

    

รอคุณ หม่ามิ๊ ... ซื้อของนานหิว เติมพลังหน่อยดีกว่า ... 

  

รอ Boarding ขึ้นเครื่องครับ แต่รอนานไปนึดนึงดูเอาเองครับว่าเกิดอะไรขึ้น 

   

       วันนี้เราเดินทาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึง สนามบิน ฮ่องกง โดยสายการบิน Emirate กับ เจ้าปลาวาฬยักษ์ Airbus A380 โดยเที่ยวบินนี้ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 2.30 นาที เวลาที่...ประเทศฮ่องกง เร็วกว่า ... ประเทศไทย 1 ชั่วโมงครับ 

  

 

บรรยากาศภายในห้องโดยสารของ ชั้น Ecomony เจ้าปลาวาฬยักษ์ A380  

     

       วันนี้เราได้รับ สิทธิพิเศษ ให้ได้รับการ Boarding พร้อมกับชั้น First Class เนื่องจาก ขณะที่เดินทางเทวดาตัวน้อยของเรา อายุได้เพียง 1 ปี 8 เดือน เลยต้องนั่งที่นั่งสำหรับเด็ก INFANT แถวหน้าครับ ซึ่งไม่เสียค่าโดยสารครับ ( เสียแต่ภาษีน้ำมัน กับภาษีสนามบิน ) ซึ่งเทวดาน้อยต้องนั่งตักพ่อ...แม่ ก่อนเครื่องจะขึ้นพี่แอร์เค้าจะเอาเข็มขัดนิรภัยมาให้เพิ่มสำหรับเด็กอีกเส้น โดยวิธีใช้ก็คือ รัดร่วมกับของพ่อแม่ ( ประสบการ์ณใหม่ครับไม่เคยรู้ว่ามีเข็มขัดพิเศษแบบนี้ด้วย ) แต่ส่วนมากพอเครื่องขึ้นและไต่ระดับจนกระทั่งเกินระดับ 10,000 feet กัปตันได้ปลดสัญญาณรัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว จากนั้น ... เทวดาน้อย ... ก็วิ่งกระจาย

  

      และแล้ว ... เราก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง โดยเครื่องบินของเราได้ลงจอดท่าอากาศยานแห่งใหม่ ชื่อว่า " เช็กแล็บก็อก "
ภาพถ่ายจากมุมมองบนเครื่องบิน

 

เผื่อบางท่านยังไม่รู้เราจะขอแนะนำประวัติของสนามบินฮ่องกงแห่งใหม่นี้คร่าว ๆ ครับ

   

      ท่าอากาศยานแห่งนี้สร้างขึ้นบนเกาะขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการถมทะเลระหว่างเกาะเช็คแลปก๊กและเกาะ Lam Chau จนกลายเป็นเกาะเดียว เกาะเดิมทั้ง 2 เกาะนี้ถูกปรับพื้นผิวให้ราบเรียบ ครอบครองพื้นที่ประมาณ 25% ของพื้นที่ท่าอากาศยานทั้งหมดซึ่งมีขนาด 12.48 ตารางกิโลเมตร มีทางเชื่อมต่อกับส่วนเหนือของเกาะลันเตา ใกล้กับหมู่บ้านประวัติศาสตร์ Tung Chung ซึ่งปัจจุบันถูกขยายออกเป็นเมืองใหม่ การปรับปรุงพื้นที่สำหรับท่าอากาศยานแห่งนี้ ทำให้เกิดพื้นดินใหม่เป็นพื้นที่ 1% ของพื้นที่ทั้งหมดของฮ่องกง ท่าอากาศยานแห่งนี้เปิดเพื่อใช้งานแทนท่าอากาศยานไคตั๊กที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของเกาลูนซิตี ซึ่งจัดว่าไม่ปลอดภัยเนื่องมาจากรันเวย์เดี่ยวที่ยื่นออกไปในอ่าวเกาลูนและพื้นที่ที่ติดกับย่านที่พักอาศัย
    การสร้างท่าอากาศยานใหม่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Airport Core Programme ซึ่งยังมีแผนการก่อสร้างถนนและทางรถไฟใหม่เชื่อมต่อกับท่าอากาศยานด้วยสะพานและอุโมงค์ต่างๆ และโครงการพัฒนาที่ดินทั้งบนเกาะฮ่องกงและในเกาลูนอีกด้วย ตามบันทึกสถิติใน Guinness World Records แล้ว โครงการนี้เป็นโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานที่ใช้งบประมาณสูงที่สุด และการก่อสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่นี้ยังได้รับการลงคะแนนให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดงานก่อสร้างแห่งศตวรรษที่ 20 ในการประชุม ConExpo เมื่อ พ.ศ. 2542
     ท่าอากาศยานแห่งนี้เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 โดยใช้เวลาก่อสร้างนาน 6 ปี และงบประมาณก่อสร้างทั้งหมด 20,000 ล้านเหรีญสหรัฐ กลุ่มสถาปนิกผู้ออกแบบคือ Foster and Partners ช่วง 3-5 เดือนแรกที่เปิดใช้ ท่าอากาศยานแห่งนี้ประสบปัญหาหลายๆเรื่อง ทั้งด้านการบริหาร เทคนิค และเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ปัญหาเหล่านี้เกือบทำให้การใช้งานท่าอากาศยานต้องหยุดชะงัก จนครั้งหนึ่งทางรัฐบาลต้องเปิดอาคารคลังสินค้าที่ท่าอากาศยานไคตั๊กขึ้นใช้ใหม่เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าเนื่องมาจากอาคารคลังสินค้าแห่งใหม่ที่มีชื่อว่า Super Terminal 1 ไม่สามารถใช้ปฏิบัติงานได้อย่างเรียบร้อย จนกระทั่งหลังจากเปิดใช้งานท่าอากาศยานได้ 6 เดือน ปัญหาต่างๆเริ่มได้รับการจัดการคลี่คลายลง และท่าอากาศยานเริ่มใช้งานได้อย่างเรียบร้อยมากขึ้น
   จากสนามบินฮ่องกงเราใช้เวลาเดินทางมายังที่พักฝั่งเกาลูน ย่านถนน JORDAN ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากเช็คอินและเก็บข้าวของเสร็จ ก็ปาเข้าไปประมาณ 4 ทุ่มกว่าก็เลยกะจะออกไปเดินเที่ยวและหาอะไรกินกันสักหน่อย โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ร้านบะหมี่เกี๊ยวร้านประจำ ย่านถนนจอร์แดนตัดกับนาธาน ซึ่งห่างจากโรงแรมไม่ไกลสามารถเดินไปได้ครับ อากาศที่ฮ่องกงเย็นสบายมากครับอากาศเย็นประมาณ 15 องศา     

    

บรรยากาศตอน 5 ทุ่ม ณ. ถนนคนเดินย่าน Temple Street

 

หน้าตาห้องพักของโรงแรม BP INTERNATIONAL ถนน JORDAN

     โรงแรมในสไตล์ฮ่องกงส่วนมากห้องพักจะเป็นห้องเล็ก ๆ ครับ เนื่องจากว่าฮ่องกงพื้นที่เป็นเกาะ มีพื้นที่น้อยประกอบกับที่ดินมีราคาแพงมากจึงจำเป็นต้องสร้างตัวอาคารสูงและใช้พื้นที่อย่างจำกัด อีกทั้งโรงแรมในฮ่องกงไม่สามารถเปิดหน้าต่างได้นะครับ เหตุผลเรื่องความปลอดภัยครับ 

ช่วงที่เดินทางเป็น ช่วงคริสมาสต์ ครับภายในโรงแรมเลยมีการตกแต่งอย่างสวยงาม

  

Good Mornning HONGKONG
บรรยากาศยามเช้าและการเริ่มต้น .. ตะลุย .. ความวุ่นวายของชาวฮ่องกง

  

ช็อปปิ้งห้างดัง LANGHAM

    

ตลุยรถไฟฟ้าใต้ดิน ( มีรถเข็นเด็กไปด้วยลำบากมากกกกก )

   

ภาพเด็กน้อย แต่งสไตล์โทนเกาหลี 

   

      เรื่องเล่าเตือนใจ เพื่อน ๆ ที่จะพา ... เด็กเล็ก ที่ยัง ... สื่อสารกันไม่รู้เรื่องไปต่างประเทศ ให้คำนึงถึงเรื่องที่เด็กจะไม่สบายไว้ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการไม่สบายจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและร่างกายเค้าปรับตัวไม่ทัน ผมเจอมาแล้วกับตัวเองครับ จะฝากไว้เป็นอุทาหรณ์จะได้เตรียมตัวรับมือกับมันได้อย่างดี
     เรื่องมีอยู่ว่า ... พอเราถึงฮ่องกง ออกจากสนามบินก็พบว่าอากาศเริ่มเย็นลงเร็วมาก พอดีช่วงที่เดินทางเป็นช่วงปลายปีอากาศที่ฮ่องกงเริ่มหนาวมาก ประมาณ 10-12 องศาในช่วงกลางคืน และ 15-17 ในช่วงกลางวัน ซึ่งต่างจากอากาศบ้านเราโดยสิ้นเชิง โดยวันแรกที่เราเดินทางมาถึงเป็นเวลากลางคืน จากรีวิวด้านบนจะเห็นว่าเราเก็บของที่โรงแรมเสร็จก็ออกไปเดินเล่นช็อปปิ้งซื้อของและหาอะไรทานกัน ที่ถนนคนเดิน ย่านแถว JORDAN

      ซึ่งธรรมดาลูกสาวเป็นคนขี้ร้อนเลยคิดว่าอากาศประมาณนี้หนาวเย็นสบายดี ตอนไปเดินไม่เห็นมีอาการอะไรครับ ตอนนั้นดึกแล้วประมาณ 4-5 ทุ่ม ผู้ใหญ่ยังรู้สึกว่ามันเย็นและมีลมแรง แต่ก็ไปทานข้าวและเดินเล่นต่อไม่ได้คิดอะไร แต่พอกลับมาที่โรงแรม ห้องพักของผมเป็นเตียงคู่ครับ โดยลูกสาวนอนกับคุณแม่เค้า ประมาณตี 2-3 แฟนผมเค้าก็เรียกบอกวา่ เจ้าตัวเล็กตัวร้อนมาก คาดว่าประมาณ 39 - 40 องศา โชคดีที่เตรียมยาของเจ้าตัวเล็กของโรงพยาบาลพญาไทยติดมาด้วยจากเมืองไทย และเริ่มปฏิบัตการเช็ดตัวทั้งคืน ( แทบไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน )

 

      จนกระทั่งเช้า แต่ปรากฏว่ากินยาแล้วโดยยาแก้ไข้จะสามารถกดอาการตัวร้อนได้ประมาณ 4-6 ชั่วโมง พอหมดฤทธิ์ยาไข้ก็กลับมาอีก คราวนี้ตัวร้อนจนหน้าและปากแดง และยิ่งไปกว่านั้น งานเริ่มเข้ายาที่เตรียมมาเริ่มร่อยหรอ เราเลยเริ่มเดินออกไปกะว่าจะพาลูกไปหาหมอที่คลินิกแถวย่านนั้น โดยถามที่ LOBBY ของโรงแรมว่า มีคลีนิคแถวนั้นมั้ย ปรากฏว่ามี แต่เหมือนโชค 2 ชั้นวันนั้นวันอาทิตย์คลีนิคแถวย่านนั้นปิดหมด เหลือก็แต่ร้านขายยาเลยเดินเข้าไปซื้อยา พอดีเภสัชเป็นผู้ชายพูดภาษาอังกฤษได้ เค้าเลยบอกว่าไม่เป็นไรเป็นแค่ไข้หวัดจากอากาศเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องกินยา ให้ซื้อแต่ไอ้แผ่นติดหัวเอามาแปะ และบอกเราว่านอนไม่ต้องห่มผ้า และก็กลางวันให้ใส่เสื้อผ้าสบาย ๆ ไม่ต้องหนามากเพื่อจะให้ความร้อนระบายออกเอง เดี๋ยวอาการก็จะดีขึ้นเอง ได้ฟังตามนั้นก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง เลยออกเดินเที่ยวแถว ๆ โรงแรมก่อน

   

     **สรุป** ทนรอดูอาการอีก 1 วัน เพราะส่วนมากจะตัวร้อนตอนกลางคืน ( กลางวันก็ยังนั่งรถไฟใต้ดินไปเที่ยวได้อยู่เลย ตกกลางคืนเริ่มซึม ) ทริปนี้ผมเดินทาง 4 วันครับ ( ตอนแรกหมดสนุกกะว่าจะเปลี่ยนตั๋วกลับเมืองไทยตั้งแต่วันที่สองแล้วครับ แต่ตั๋วเป็นตั๋วโปรโมรชั่นเปลี่ยนวันเดินทางไม่ได้ ก็โอเคซื้อใหม่ก็ได้ กลับไม่มีตั๋วกลับอีก เพราะเป็นช่วงพีค ) เลยกะว่ารอดูคืนนี้อีกที พอตกกลางคืนประมาณ 3 - 4 ทุ่มตัวร้อนมากเลยตัดสินใจพาลูกไป โรงพยาบาล ( เพราะช่วงนั้นไข้หวัดนกกำลังระบาด เลยกลัวเป็นอันตราย ) ไปถาม LOBBY ว่าไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ความว่าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด อยู่ย่าน ยามาไถ ต้องนั่งTAXIไปจากโรงแรมใช้เวลาประมาณ 15 นาที โดยไปถึงโรงพยาบาลมึดมาก คนเยอะมาก ไปถึงเค้าจะให้เรายื่น PASSPORT พร้อมทั้งให้จ่ายเงินก่อนเลย ( ระบบเหมาจ่ายสำหรับชาวต่างชาติ ) 500 เหรียญฮ่องกงและรอ เรื่องรอไม่เท่าไหร่ครับไอ้ที่สำคัญอากาศข้างนอกก็หนาวอยู่แล้ว ข้างในดันเปิดแอร์หนาวกว่าอีกครับพูดเป็นไอได้เลย ( พยาบาลพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ "กรรม" ถามอะไรก็ไม่รู้ ) รอประมาณ 2 ชั่วโมง เห็นหมอผู้ชายคนนึงใส่แว่นมาท่าทางดูดี เราเลยเอาวะหมอต้องพูดภาษาอังกฤษได้แน่นอน และแล้วก็เป็นจริงหมอพูดภาษาอังกฤษได้ครับแถมจัดการให้หมด แถมหมอยังไปถามที่เค้าเตอร์พยาบาลว่าเรียกชื่อเค้ายัง พญาบาลดันรีบบอกว่าเรียกตั้งนานแล้ว ( แต่ความจริงผมฟังอยู่ มันยังไม่เรียกเลยครับสงสัยกลัวโดนหมอด่าครับ หมอเลยถือการ์ดคนไข้และพาเราเข้าไปตรวจเลยครับ โรงพยาบาลที่ฮ่องกงของเค้านะต่างกับ โรงพยาบาลเอกชนบ้านเรา .... ฟ้ากับเหว การดูแล บริการแย่มาก และ ความสะอาดต่ำมาก และที่สำคัญรวมกันหมด ระหว่าง อุบัติเหตุ และ ผู้ป่วยโรคอะไร ก็รวมกัน 

   

      สรุปพอพอคุณหมอ ( พูดภาษาอังกฤษได้ครับ ) แกก็ตรวจทุกอย่าง ให้พยาบาลพาไป X-RAY ปอด ดูหมด และรอผลการ X-RAY อีกชั่วโมงกว่า ( โรงพยาบาลได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม คนเยอะมากแต่ส่วนมากมีแต่คนท้องถิ่นครับ ) ถึงจะได้พบหมออีกครั้ง หมอสรุปผลบอกว่าเป็นอาการของไข้หวัดเกิดจากอากาศเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ H1N1 โล่งอกไปครับ .... หมอบอกให้ทานยาครับ โดยยาที่ได้มาเป็นยาน้ำ น่าจะเป็นพาราสำหรับเด็ก แต่ให้กินโดสเยอะมากประมาณ 6 CC. ต่อครั้ง  เชื่อมั้ยครับหลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล ( ซึ่งกว่าจะถึงโรงแรมก็ปาเข้าไปประมาณ ตี 2 ) เจ้าตัวเล็กยิ่งเพลียมากกว่าเดิมหลับมาตลอดทางที่เรานั่ง TAXI กลับโรงแรมเลยครับ แต่ยังไงก็ต้องปลุกขึ้นมากินยาและนอนปล่อยให้นอนต่อด้วยความอ่อนเพลีย ทั้งพ่อ แม่ ลูก แต่พอเช้ามาแปลกครับไข้หายเป็นปิลดทิ้ง เทวดาตัวน้อยวิ่งปร๋อ หัวเราะร่าเลย ( เลยไม่ต้องกลับเมืองไทย เลยได้ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ต่อได้เลย อิอิ ) 

  ตะลุย HONG KONG DISNEYLAND RESORT ...

  

บริเวณทางเดินด้านหน้าก่อนถึงที่ จุดตรวจบัตรเข้าประตู  
"สาวเสื้อแดงเป็นสาวชาวฮ่องกงครับ"

   

บรรยากาศทางเดินบริเวณทางเข้าด้านหน้า  

   

คนรอคิวผ่านเข้าประตูเยอะมากครับ 

 
 

เย้ได้ผ่านเข้าไปสักที เจ้าตัวเล็กสบายครับไม่ต้องเดินนั่งรถเข็นตลอดเลย   

  

ทางเดินหลัก สู่ปราสาทเทพนิยาย 

   

 .   

ลุยที่แรกกับ ดินแดน TOMORROWLAND 

   

เล่นน้ำกันสนุกมาก ( เด็กน้อยเล่นจนลืมไข้เลยครับ )

  

 

    

พามาลุยกับช้างบิน ( รอคิวนานมาก เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวปลายปีคนเลยเยอะครับ )

  

 หลังจากเล่นเครื่องเล่นและ รอคิวจนเหนื่อย เลยตัดสินใจนั่งรถไฟรอบสวนสนุกดีกว่า 

เด็กน้อยขอเท่ด้วยการใส่แว่นตากันแดดของ...คุณแม่หน่อยครับ

 

   

  

บรรยากาศบนรถไฟ ( ถ่ายตอนรถไฟกำลังวิ่งครับ )

หลังจากนั่งรถไฟเสร็จก็ใกล้เวลาเดินขบวนพาเหรดแล้วครับ โดยที่ดิสนีย์แลน์ดนี้จะเดินพาเหรดทุกบ่าย 4 โมงเย็นของทุกวันครับ

     

ช่วงพักรอเวลา ขบวนพาเหรด เลยเชิญนางแบบกิติติมาศักดิ์ มาเป็นแบบถ่ายภาพให้

    

         

และแล้วก็มาพบกับ Signature ของดิสนีย์แลนด์แล้วครับ คือ มิกกี้เม้าส์ กับ มินนี่เม้าส์ครับ

    

  ขบวนพาเหรด ที่ ฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ .. ตื่นตาตื่นใจมาก  

    

     ทางดิสนีย์จะเค้าจัดขบวนพาเหรด เวลา 4 โมงเย็นของทุกวัน และ จุดพลุ ประมาณ 1 ทุ่มของทุกวันครับแต่เราไม่ได้ดูพลุกลางคืนเพราะกลัวว่าอากาศจะเย็นเกินไปสำหรับเจ้าตัวเล็กเด็กเดี๋ยวไม่สบายอีกจะลำบาก 

   

    

ปิดท้ายด้วย ขบวนของมิกกี้เม้าส์ และ มินนี่เม้าส์ครับ 

    

  ทิ้งท้ายด้วยบรรยากาศยามเย็น  กับ อ่าวฮ่องกง   

    

SUNSET PANORAMA VIEW AT HONGKONG

      

สุดท้าย...ต้องโบกมืออำลา เกาะฮ่องกง ดินแดนที่ไม่เคยหลับไหล ของกินอร่อย
โดย ไกด์เกาหลี .. ตัวเล็กนำเที่ยว ต้องขอลาไปก่อนค่ะพบกันใหม่ ทริปหน้า